banner banner banner
ศาสตร์ต้องห้าม
ศาสตร์ต้องห้าม
Оценить:
Рейтинг: 0

Полная версия:

ศาสตร์ต้องห้าม

скачать книгу бесплатно


เขารู้ว่าพื้นที่ใดที่ควรหลีกเลี่ยงจากทุ่นระเบิด และกล่องสารพิษที่ชาวอเมริกันทิ้งในช่วงปีเจ็ดศูนย์ที่ผ่านมา และเขารู้ว่าพื้นที่ไหนปลอดภัย แม้ว่าทหารช่างจะพลาดไปหนึ่งหรือสองครั้ง เช่นเดียวกับแพะตัวหนึ่งของเขาที่ถูกพบเมื่อเดือนก่อน ช่างเป็นเรื่องที่น่าอดสูเกี่ยวกับมัน แม้ว่าร่างไร้วิญญาณมันจะไม่สลาย และจุดจบมันเร็วเกินไป เมื่อหินปะทุออกมาทำให้เกิดทุ่นระเบิด และกระเด็นขึ้นฟ้าทำให้หัวของมันหลุดกระเด็นออกไปด้วย

ระยะทางมันไกลเกินกว่าที่จะขนซากของมันกลับบ้าน ดังนั้นนายลีจึงใช้เวลาสองสามวันบนภูเขาเพื่อดูแลตัวเอง ในขณะที่ครอบครัวของเขากังวลว่าเขาจะป่วยเมื่อเขากลับมาที่ฟาร์ม

นายลีเป็นคนที่พอใจกับทุกสิ่งที่มีอยู่ เขาสนุกกับงาน และชีวิตกลางแจ้ง และยอมรับความเป็นจริงว่าเขาเองไม่ได้ร่ำรวยอะไร หรือไม่ได้ไปต่างประเทศได้อีกต่อไป ด้วยเหตุผลนี้เขาและภรรยาของเขาจึงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับปัจจุบันอยู่กับลูกทั้งสองคน เขารักลูกเขาทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน และต้องการทำให้มันดีที่สุดสำหรับพวกเขา แต่เขาก็ดีใจเช่นกันที่พวกเขาออกจากโรงเรียนเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำงานเต็มเวลาในฟาร์มซึ่งภรรยาของเขาปลูกพืชผักสมุนไพร และเลี้ยงหมูเอาไว้สามตัว และมีไก่อีกยี่สิบ สามสิบตัว

นายลีกำลังคิดว่าเขาจะขยายฟาร์มให้ได้มากเท่าไหร่ดีสำหรับเอาไว้เผื่อยามจำเป็น บางทีพวกเขาอาจต้องเพิ่มจำนวนไก่อีกหลายสิบตัว เพิ่มหมูอีกสักสองสามตัว และปลูกข้าวโพดหวานอีกสักหน่อย

เขาตื่นจากภวังค์ “จะเกิดอะไรขึ้น หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มัด ฉันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ฉันก็หน้ามืดมาแล้วสองครั้งในสัปดาห์นี้ และมันมีแววจะมากขึ้นอีกสองหรือสามครั้ง”

“ทำไมเธอไม่บอกฉันเรื่องนี้ก่อนล่ะ”

“รู้ไหม ฉันไม่อยากให้คุณกังวล และคุณไม่สามารถทำทุกสิ่งทั้งหมดนี้ได้ไม่ใช่หรือ”

“ไม่หรอก ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอะไร แต่ฉันจะพาเธอไปหาป้าของเธอให้เร็วที่สุด และบางทีจะพาเธอไปหาหมอด้วย”

“ อ่า เธอก็รู้จักฉันดีนะ มัด ฉันเคยพูดว่า ‘รอดูว่าป้าจะพูดว่ายังไงก่อนที่จะใช้เงินทั้งหมดนั้น’ บางครั้งฉันต้องยอมรับว่ารู้สึกแปลก ๆ และฉันก็ค่อนข้างกลัวว่าป้าจะพูดว่ายังไงในวันพรุ่งนี้”

“ ใช่ ฉันก็เช่นกัน เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งนั้นใช่ไหม”

“บางครั้งนะ แต่ฉันรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง ฉันเคยสามารถวิ่งและกระโดดกับแพะได้ แต่ตอนนี้ฉันแค่มองดูพวกมัน ฉันก็เหนื่อยแล้ว!

“มีบางอย่างผิดปกติ ฉันเชื่ออย่างนั้น”

“ดูนี่สิ พ่อ” ซึ่งเป็นชื่อสัตว์เลี้ยงจอมทึ่มของเธอที่ใช้เรียกเขา เแต่ทว่ามันมีความหมายใช้เรียก ‘พ่อ’ ในภาษาไทยด้วย “เด็ก ๆ ยืนอยู่ที่ประตู เธอต้องการให้พวกเขาเข้ามาตอนนี้หรือไม่”

“ไม่ คุณพูดถูก ทำไมต้องกังวลตอนนี้ แต่ฉันคิดว่าป้าจะบอกฉันตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นบอกพวกเขาว่าเราจะประชุมครอบครัวกันในเวลาน้ำชา และพวกเขาจะต้องอยู่ที่นั่นด้วย

“ฉันคิดว่าฉันจะไปนอนแล้ว ฉันรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอีกแล้ว การเสกเป่าของป้าทำให้ฉันมีพลังเพียงชั่วระยะหนึ่ง แต่มันก็เสื่อมไปแล้ว บอกพวกเขาว่าฉันไม่เป็นไรนะ แต่ขอให้เด่นช่วยเอาแพะออกไปให้ฉันพรุ่งนี้จะได้ไหม เขาไม่ต้องพาพวกมันไปไกลนัก เพียงแค่ลงไปตามลำธารเพื่อที่พวกมันจะได้กินวัชพืชในแม่น้ำ และดื่มน้ำ… มันจะช่วยพวกมันได้สักวัน สองวัน

หากเธอมีเวลาสักสิบนาที เธอช่วยทำชาแบบพิเศษให้ฉันหน่อยได้ไหม อันที่มีขิง โป๊ยกั๊ก และสิ่งต่าง ๆ… ที่น่าจะช่วยฉันให้สดชื่นขึ้นมาได้บ้าง… โอ้ และเมล็ดแตงโม หรือเมล็ดทานตะวันสักหน่อย… บางทีเธออาจจะขอให้ดินแกะให้ฉันจะได้ไหม”

“แล้วซุปสักถ้วยดีไหม มันเป็นของโปรดเธอนี่… ”

ได้ ตกลง แต่ถ้าฉันเผลอหลับ ก็วางมันไว้บนโต๊ะนะ และฉันจะทานตอนที่มันเย็นลงแล้วในภายหลัง

“สวัสดีเด็ก ๆ ฉันจะไปนอนให้เร็วขึ้นในคืนนี้ แต่ฉันไม่อยากให้พวกเธอต้องห่วงฉัน ฉันสบายดี แม่ของพวกเธอจะเล่ารายละเอียดให้ฟังนะ ฉันแค่ติดเชื้อบางอย่าง ฉันคิดว่าอย่างนั้น ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน”

“ราตรีสวัสดิ์ พ่อ”พวกเขาตอบกลับ ดินดูกังวลเป็นพิเศษ ในขณะที่พวกเขามองนายลีอย่างห่วงใยก่อนที่นายลีจะเดินหันหลังไป และจากนั้นก็หันมามองหน้ากัน

ในขณะที่นายลีล้มตัวนอนในค่ำคืนที่มืดมิดและเงียบงัน เขารู้สึกว่าตัวเขามีอาการปวดตุบ ๆ มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับอาการเวลาฟันผุที่มักจะมีอาการเจ็บปวดอย่างมากในเวลานอนตอนกลางคืน แต่เขาก็เหนื่อยมากจนเคลิ้มหลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะชา ซุป และเมล็ดธัญพืชจะถูกนำมาให้เขา

ข้างนอกบ้านบนโต๊ะตัวใหญ่ ท่ามกลางดวงไฟสลัวครอบครัวเล็ก ๆ คนที่เหลือนั่งพูดคุยกันถึงสภาวการณ์ของนายลีด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินพวกเขาหากพวกเขาพูดออกมาดัง ๆ ก็ตาม

“พ่อจะตายไหม แม่” ดินแทบจะร้องไห้ออกมา

“ไม่หรอก ลูกเอ้ย ไม่อย่างแน่นอน” เธอตอบ “อย่างน้อย…แม่ก็ไม่คิดแบบนั้น”

1 2 ความฉงนใจของครอบครัวลี

ตามวิถีของคนในชนบท ทุกคนจะนอนรวมกันในห้องเดียวกันในบ้าน แม่และพ่อนอนเตียงนอนคู่ ส่วนเด็ก ๆ นอนคนละเตียง และทั้งสามเตียงก็มีมุ้งกันยุงของตัวเอง ดังนั้นเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทุกคนจะย่องออกมาเพื่อไม่ให้เฮงตื่น

พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะพ่อมักจะเป็นคนแรกที่ตื่น และออกไปก่อนเสมอ แม้ในเช้าที่หนาวเหน็บที่สุดก็ตามที พวกเขามองผ่านมุ้งไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเฮงและดูเป็นกังวล จนกระทั่งแม่ไล่ให้พวกเขาออกไปข้างนอก

“ดิน ช่วยเราหน่อย ลูกเอ้ย ฉันไม่ชอบสภาพแบบนี้ของพ่อเธอเลย อาบน้ำให้เร็ว แล้วก็ไปดูว่าป้าจะบอกอะไรเราบ้าง ไปได้ไหมลูก ให้เป็นเด็กดีนะ หากเขายังไม่พร้อม และเรามาค่อนข้างเร็วไป ซึ่งฉันรู้ดี ถามเธอนะว่า เธอจะพยายามเพื่อหลานชายคนโปรดได้ไหม ก่อนที่มันจะสายเกินไป

ดินเริ่มร้องไห้ และวิ่งหนีไปอาบน้ำ “ขอโทษนะ ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียใส่ลูก!” เธอตะโกนเรียกลูกสาวให้กลับมา

เมื่อเธอมาถึงบ้านป้าทวดของเธอในสิบห้านาทีต่อมา หมอผีชราลุกขึ้น แต่งกายเรียบร้อย นั่งกินข้าวต้มตรงโต๊ะใหญ่หน้าบ้าน

“อรุณสวัสดิ์ ดิน ดีใจที่ได้เจอเธอนะ เอาข้าวต้มสักชามไหม มันอร่อยมากนะ” ดาเอาใจใส่เหลนสาวของเธอ และโดยเฉพาะดินเป็นพิเศษ แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เธอถาม เขาก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า แม่ของเธอถามถึงการวินิจฉัยโรคที่เหมาะสมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง

“นั่นแม่ของเธอหรอกหรือ! ได้ เราจะดูว่าเราควรทำยังไงกันต่อไป… พ่อของเธอดูแย่มากใช่ไหม

“ใช่ค่ะ ป้าดา เขาขาวซีดเหมือนศพ แต่เราไม่คิดว่าเขาจะตาย… แม่ได้ถ่วงเวลาเขา เมื่อฉันออกมา เพื่อดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ฉันไม่อยากรอ จะได้รู้กันไปเลย ฉันไม่อยากให้พ่อต้องตาย ป้าดา ได้โปรดช่วยเขาด้วย”

“ฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันสามารถจะทำได้ แต่เมื่อพระพุทธเรียกตัว ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถปฏิเสธได้ แต่เราพอจะมีหนทางที่เราสามารถทำได้ มากับฉัน”

ดาเดินเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ จุดเทียนและปิดประตูที่อยู่ด้านหลังพวกเขา เธอหวังว่าดินจะให้ความสนใจในวิถีเก่าแก่นี้ ขณะที่เธอยังเด็กพอที่จะสอนเธอได้ เพราะเธอรู้ว่าดินจะต้องเป็นผู้สืบทอดมันในสักวัน ถ้าภาระกิจนั้นต้องอยู่ในตระกูลลี

เธอชี้ไปที่เสื่อของผู้สอบถามที่พื้น และดินก็ได้นั่งลงจากนั้นเธอก็เดินไปรอบ ๆ กระท่อม พึมพำสวดมนต์คาถา และจุดเทียนอีกสองสามเล่มก่อนจะนั่งตรงข้ามดิน ซึ่งกำลังจ้องมองลงไปที่มือที่กุมไว้บนตักของเธอ

ดาจ้องมองไปที่หลานสาวของเธอ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยในร่างกายของเธอ จ้องไปที่มือของเธอเองสักสองสามวินาที และจากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองดินอีกครั้ง

“เธอมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับคนอื่นอย่างนั้นหรือ กรุณาถามคำถามของเธอมา” ดาพูด แต่ด้วยน้ำเสียงทุ้ม เข้ม และดังก้องโดยที่ไม่มีใครเคยได้ยินจากภายนอกกระท่อมหลังนั้น

การแปลงร่างนั้นทำให้ดินตกใจเหมือนอย่างที่เคย เมื่อป้าของเธอตกอยู่ในภวังค์ และอนุญาตให้พลังงานอื่นเข้าควบคุมร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปไม่มากนัก แม้ว่ามันจะเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่ทั้งร่างกายของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างน่าฉงนในลักษณะเดียวกับที่นักแสดง หรือนักเลียนแบบสามารถเปลี่ยนบุคลิกให้เหมาะสมกับตัวละครที่เขากำลังเล่นอยู่ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ราวกับว่าภายในของดาถูกสิงด้วยใครบางคน ซึ่งทำให้เธอไม่เพียงแต่ดูแตกต่างออกไปจากเดิม แต่น้ำเสียงก็ฟังดูแตกต่างออกไปด้วยเช่นกัน

ดินมองไปที่หมอผีคนเก่าที่ไม่ใช่ป้าของเธออีกต่อไป

“ท่านหมอผี พ่อของฉันป่วยหนักมาก ฉันต้องการทราบว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร และเราจะแก้ไขยังไงได้บ้าง”

“ใช่ บิดาของเธอ คนที่เธอเรียกว่า ‘พ่อ’ ”

ใครคนนั้น ป้าของเธอ น้ำเสียงฟังดูคล้ายผู้ชายในขณะนี้เอามือจับห่อแต่ละห่อที่เฮงทิ้งไว้เมื่อวันก่อน แล้วปิดตาป้าของเธอลง มีบางอย่างที่ดูเหมือนจะทำให้ดินหยุดชะงักไปครู่ใหญ่ และมีอาการดำดิ่ง ที่เธอจะบอกได้ว่าเธอสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าป้าเดินบนพื้นโคลนแข็ง ๆ เสียด้วยซ้ำ

ดินเคยเข้าร่วมพิธีการแบบนี้มาแล้วสิบกว่าครั้ง แม้ว่าที่ผ่านมามันไม่ได้มีอะไรน่ากังวลเท่าครั้งนี้ก็ตาม เธอเคยถามเรื่องโรคเกี่ยวกับช่องท้องมาแล้วครั้งหนึ่งราว ๆ เมื่อ 2-3 ปีก่อน และล่าสุดเธอได้มาสอบถามว่าจะได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้หรือไม่ เธอไม่กลัวบรรยากาศหรอกนะ แต่คือผลลัพธ์ต่างหากเล่า แต่เธอรู้ว่าเธอทำได้เพียงแค่นั่งรอ และสังเกตการณ์ เพราะเธอคพบว่ามันดูน่าสนใจ

หมอผีแกะห่อแรกที่มีหินออกอย่างช้า ๆ ตรวจดูอย่างระมัดระวัง ดมกลิ่นแล้วนำกลับไปวางบนใบตอง จากนั้นหยิบใบไม้ที่ห่อตะไคร้น้ำขึ้นมาดมก่อนจะวางลงบนเสื่อข้างหน้าของเธอ

หมอผีจ้องมองมาที่ดินอย่างเคร่งขรึม และหลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็พูดขึ้นว่า

“บุคคลที่เธอกำลังกังวลใจอยู่นี่ กำลังป่วยหนัก ในความเป็นจริงเขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้นทุกที เมื่อเขาให้ตัวอย่างเหล่านี้มา แต่เขายังไม่ตาย… อวัยวะภายในของเขาบางส่วน โดยเฉพาะความสะอาดของโลหิตนั้นอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่มาก… สิ่งที่เธอเรียกว่าว่า ไต ในภาษาไทยหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง และตับเริ่มเสื่อมอย่างรวดเร็ว

“นั่นหมายความว่า ความตายกำลังใกล้เข้ามา ไม่มีวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่เป็นที่รู้จัก”

หมอผีตัวสั่นอีกครั้ง และแปลงร่างกลับไปเป็นป้าดาคนเก่าที่กระพริบตาสองสามครั้ง และดิ้นเล็กน้อยราวกับว่ากำลังใส่ชุดตัวเล็กตัวเก่า แล้วขยี้ตา

“มันไม่ใช่ข่าวดีใช่ไหมลูก เธอรู้ดีว่าเมื่อฉันถูกสิงร่าง ฉันไม่สามารถได้ยินอะไรทั้งสิ้น แต่ฉันพอจับใจความได้บ้าง และฉันเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่สู้ดีนักเกี่ยวกับเรื่องของพ่อเธอ”

“พระวิญญาณบอกว่า พ่อคงจะตายในไม่ช้านี้ อย่างที่ไม่มีการรักษาทางการแพทย์ได้ เพราะภาวะไตและตับเสื่อม…”

“ฉันเสียใจนะ ดิน เธอรู้หรือไม่ว่าฉันรักพ่อของเธอมาก… ฟังนะ ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันได้ค้นพบเทคนิคพิเศษอะไรบางอย่างเมื่อหลายปีมาแล้วว่านอกเหนือจากการถูกสิงสู่ ตอนนี้ดูตรงนี้… ใช่ หิน… ดูตรงที่พ่อเธอบ้วนน้ำลายลงบนนั่น ไม่มีร่องรอยอะไรเลย! นั่นหมายความว่าไม่มีเกลือในน้ำลายของเขา ไม่มีเกลือแร่ ไม่มีวิตามิน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เป็นแค่เพียงน้ำเปล่า

“ตรงนี้ ตะไคร้น้ำ” เธอดมมันห่าง ๆ แล้วเอาเข้ามาใกล้จมูกสิ “เหมือนกัน! ดมอันนี้!” เธอถือมันออกมาให้ดินดม แต่ดินไม่เต็มใจที่จะดมกลิ่นปัสสาวะของพ่อเธอนัก “ดมสิ มันไม่กัดเธอหรอก!” ดากล่าว ดินทำตามที่เธอเชื้อเชิญ

“ไม่มีกลิ่นอะไรเลย มีเพียงแค่ตะไคร้น้ำ”

“ใช่เลย! กลิ่นฉี่ของผู้ชายจะคล้ายกลิ่นฉี่แมว หากเธอห่อมันไว้ แต่ของพ่อเธอไม่มีกลิ่นเลย เพราะฉะนั้น ไม่มีเนื้อเน่าในนั้น เพราะฉะนั้น เลือดของพ่อเธอก็เหมือนกับน้ำ

“เธอไม่สามารถมีชีวิตยาวนานได้ด้วยแค่น้ำของเลือดใช่หรือไม่ ว่ากันตามเหตุผลไม่ใช่เหรอ เลือดของเธอต้องใช้ความดีงามทั้งหมดที่อยู่ในร่างกาย แต่พ่อของเธอไม่มีเลย และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอ่อนแรงตลอดเวลา!

“เธอออกไปจากบ้านตอนนี้แล้วไปดูว่ามันสายเกินไปหรือไม่ และถ้าเขายังอยู่กับพวกเรา เอาสกูตเตอร์ของเธอกลับมารับฉัน รีบไปตอนนี้ แล้วรีบเข้านะ”

ดินแทบจะบินออกประตูไปด้วยซ้ำ และวิ่งกลับไปบ้าน

ในขณะที่ดินออกไปดูพ่อของเธอ ดาเตรียมตัวออกไป เพราะเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเฮงจะไม่ตายแน่นอน อย่างไรก็ตามจะไม่ตาย เธอได้เลือกสมุนไพรบางอย่าง และใส่มันไว้ในย่าม ล้างหน้าแล้วรวบผมด้วยผ้าคลุมศีรษะเพราะกันลมได้ดี เตรียมพร้อมในการนั่งมอเตอร์ไซค์ แล้วเธอออกมาข้างนอกเพื่อรอหลานสาวของเธอ

ดินมาถึงในไม่กี่นาทีต่อมาด้วยฝุ่นฟุ้งตลบ

“เร็วเข้า ป้า แม่บอกว่าให้มาเร็ว ๆ เพราะพ่อกำลังจะเสียแล้ว”

ดานั่งคร่อมสกูตเตอร์อย่างทะมัดทะแมง จากนั้นผมของดินก็หลุดปลิวฟาดบนหน้าอันเหี่ยวย่นของเธออย่างเจ็บปวด และเธอพยายามหลบมัน ทันทีที่พวกเขามาถึง ดากระโดดลงรถ ซึ่งสำหรับเธอแล้วถือเป็นหญิงแก่ที่กระฉับกระเฉงทีเดียว และพากันเข้าบ้านไป

“ขอบคุณที่มาทันเวลา ป้าดา เขาขึ้นห้องนอนแล้ว”

ใช่ ฉันเดาว่าเขาจะอยู่ในที่นอน และไม่ได้อยู่กับแพะสุดรักของเขาเป็นแน่!” เธอยกมุ้งขึ้น และนั่งบนพื้นไม้ ใกล้กับหัวของเขา ก่อนอื่นเธอจ้องมองดูผิวหนังและเส้นผมของเขา แล้วไล่ไปที่ริมฝีปาก และสุดท้ายเธอเปิดตาของเขา และมองเข้าไป

“อืม เห็นละ… เอาเท้าเขาออกมาซิ!” วรรณรีบเอาเท้าสามีออกมา แล้วดาจึงโน้มตัวไปบีบมัน และมองดูใกล้ ๆ

“อืม ฉันไม่เคยเห็นกรณีการขาดโปรตีนในเลือดที่ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน เธอจะอนุญาตให้ฉันบอกลูกของเธอให้ทำอะไรบางอย่างสักระยะได้ไหม ดี ฉันจะกลับมาในไม่ช้า เอาหัวสามีของเธอหนุนไว้บนหมอนสองสามใบนะ ฉันจะให้ดินไปช่วยเธอข้างใน ส่วนเด่นจะช่วยฉันอยู่ข้างนอก”

“ได้ค่ะ ป้า แน่นอน อะไรก็ได้ที่จะช่วยเฮงได้”

“เอาล่ะ มาดูกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง” และด้วยการที่เธอลุกขึ้น และลงไปที่ระดับพื้นดิน

“ดินไปช่วยแม่ของเธอ เด่นมากับฉัน เราทุกคนต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและแม่นยำ”

ดินรีบทำเป้าหมายอย่างรวดเร็ว แล้วเด่นถามว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง

“ไป แล้วเอาไก่หนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีมาให้ฉัน! เร็วเข้า พ่อหนุ่ม!”

ตอนที่เขากลับมาพร้อมกับไก่หนุ่มที่หนีบอยู่ใต้แขนของเขา แล้วดาก็จับเอามันไป “ตอนนี้มัดเจ้าแพะตัวผู้ที่แข็งแรงที่สุดของเธอไว้กับเสายาวสักนิ้วให้แน่นจนขยับไม่ได้ ให้มันนั่งหรือยืนก็ได้”

ในขณะที่เด่นรีบออกไป ดาก็เกาะอยู่บนขอบโต๊ะเชือดคอหอยไก่ ตวงเอาเลือดออกมาใส่ชามไว้ โยนร่างไร้วิญญาณลงตะกร้าผักบนโต๊ะ แล้วรีบขึ้นไปชั้นบน

“ดิน” เขาพูดเมื่อมาถึงว่า เธอมีนมแพะ หรือนมชนิดใดก็ได้ในตู้เย็นไหม ถ้าไม่มี ก็เอาเหยือกออกมาแล้วรีดสด ๆ ใส่ลงไป ได้โปรดสาวน้อย ”

เธอไม่ได้ต้องการที่จะบอกแบบเร่งเร้า แล้วเธอก็ออกไป

“โอเค วรรณ เขาตื่นหรือยัง”

“ไม่เลยค่ะ ป้า ครึ่งหลับครึ่งตื่น”

“เอาล่ะ เธอบีบจมูกเขา แล้วฉันจะเอาเลือดหยอดให้ไหลลงคอ” เธอบีบกรามที่ปิดของเขาด้วยนิ้วหัวแม่มือและใช้นิ้วกลางเพื่อเปิดออก ดันหัวของเขาไปด้านหลัง แล้วเทเลือดไก่สองสามคำลงไปในลำคอของเขา ดาเดาทางที่เฮงพ่นออกมาเหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ประมาณครึ่งหนึ่งของมันกำลังไหลลงไปถูกทางแล้ว

เฮงลืมตาขึ้นเล็กน้อย

“นังแม่มดแก่สองคนนี่กำลังทำอะไรกับฉันเนี่ย” เขากระซิบแผ่วเบา“ นั่นมันแย่มาก!”

“อ่า ฉันก็คิดอย่างนั้น” ดาพูดพร้อมกับบอกว่า“ มันเข้มข้นเกินไป เขาต้องสร้างความคุ้นเคยใหม่กับมัน”

เมื่อดินมาถึง เธอก็พูดว่า “นมสดอุ่น ๆ จากเจ้าฟลาวเวอร์ แพะที่ดีที่สุดของเรา”

ดาเอามันผสมกับเลือดที่เหลือ 50-50 แล้วเทลงคอของเฮงเหมือนครั้งก่อนที่ก็ได้ผลเหมือนเดิม แต่มีอาการต่อต้านเล็กน้อย

“ดูนั่นสิ!” เธออุทานขึ้นมา“ เขาแข็งแรงขึ้นมาแล้ว! เฮงกำลังพยายามต่อต้านพวกเรา เขากำลังขัดขืน บางทีเขาอาจจะยังไม่ตายไปเลยก็ได้!

“ถูกต้อง! วรรณเธอเอานมไปด้วย แต่เก็บส่วนที่เหลือไว้ครึ่งหนึ่ง ฉันจะกลับมาในอีกไม่กี่นาที”

เธอลงไปข้างล่าง และเรียกเด่น

“แพะตัวนั้นพร้อมแล้วใช่ไหม”

“ครับ ป้า มันอยู่ตรงนั้น”

“ดีมาก มากับฉัน”

ดากรีดรอยบากที่คอหอยของแพะด้วยมีดปลายปากกาที่คมกริบของเธอ แล้วสูบเลือดออกมาไม่กี่ร้อยมิลลิลิตร

“ดูไว้ว่าฉันทำอย่างไรบ้าง ไอ้หนู จงจำไว้ เพราะฉันคิดว่าเธอจะต้องทำมันทุกวันตั้งแต่นี้ไป”

ทั้งสองคนขึ้นไปข้างบนแล้วต้องแปลกใจที่เห็นเฮงกำลังพูดคุยกับภรรยากับลูกสาวของเขา เหมือนผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่กำลังเบลอยาสลบ อ่อนเพลีย และงุนงง แต่ทว่าเพ้อ

ดาผสมเลือดแพะครึ่งต่อครึ่งกับนมแพะส่วนที่เหลือ แต่กระนั้นให้เขาลองดื่มเพียว ๆ ดูก่อน

“โอ้ ป้า นั่นมันน่าสะอิดสะเอียนมาก!

โอ้ หลานรัก… ” “พยายามดูก่อน” เธอพูดพลางยื่นแก้วที่มีของเหลวสีชมพูให้เขา

ใช่… มันค่อนข้างดีทีเดียว… มันคืออะไร ฉันสามารถรู้สึกได้ว่า มันทำให้ฉันดีขึ้นมาแล้ว”

เฮงดื่มมันอย่างกระหาย

“มันคือ เอ่อ มิลค์เชคกับสมุนไพร… มันดีใช่ไหม”

“ใช่ ป้า ดีมาก… สดชื่นมาก ๆ มีอีกไหม”

วรรณมองไปที่หมอผีเฒ่าที่พยักหน้ารับ วรรณเทให้อีกแก้ว แล้วช่วยสามีให้ดื่ม